เคยรู้สึกไหมว่า ทำไมองค์กรอย่าง 3M บางทีก็เหมือนจะไกลตัวแต่ก็อยู่ใกล้ตัวผู้บริโภคมากเลย แถมสินค้าหลายอย่างของ 3M ก็อยู่รอบๆ ตัวเรา หลายอย่างยังหยิบใช้กันบ่อยๆ เสียอีกด้วย แล้วเพราะอะไรแบรนด์นี้ไม่เคยตายและดูเหมือนอยู่ห่างจากการถูกดิสรัปต์เสียอีกด้วย
Google Flights ไทย เปิดให้บริการในไทยแล้วในรูปแบบภาษาไทย ให้คุณสามารถจองตั๋วเครื่องบิน เทียบราคาค่าโดยสารราคาประหยัด และสะดวกมากขึ้น
จันจิรา สมบัติพูนศิริ เขียนถึงกรณีศึกษาว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านของ 'ชนชั้นนำ' ในประเทศที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย
จู่ๆ บนโลกโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ Twitter ได้เกิดชาเลนจ์ใหม่แบบงงๆ ผ่านแฮชแท็ก ที่ชื่อว่า #10YearChallenge แฮชแท็กดัง
“Gillette” แบรนด์มีดโกนหนวดยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ถูกบอยคอตอย่างหนักจากผู้บริโภคชาวอเมริกัน รวมถึงผู้บริโภคบางส่วนจากประเทศใกล้เคียง หลังจากที่ปล่อยโฆษณาตัวใหม่ออกมาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น โฆษณาตัวนี้มุ่งประเด็นไปที่เรื่องการรังแก และการคุกคามทางเพศ ที่เกิดขึ้นในอเมริกา โดยพยายามที่จะสื่อให้ผู้บริโภคที่เป็น “ผู้ชาย” เห็นถึงปัญหา และรับมือกับมันอย่างถูกต้อง เพราะยังมี “เด็กผู้ชาย” ที่กำลังมองสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมอยู่ และอาจเติบโตขึ้นมาเป็นแบบนั้นได้ หากเราดูผ่าน ๆ แล้ว โฆษณานี้ก็เป็นอีกโฆษณาที่สร้างขึ้นเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมด้วยจุดประสงค์ที่ดี ผู้บริโภคบางส่วนก็รู้สึกเห็นด้วยและชื่นชมโฆษณาตัวนี้ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากปล่อยโฆษณาตัวนี้ออนแอร์ออกมาได้ไม่กี่วัน Gillette กลับต้องพบกับผลตอบรับที่แย่จนแทบจะเสียลูกค้าไปเกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้ ลูกค้าหลาย ๆ คนมีความเห็นว่า Gilette พยายามยัดเยียดนิสัยการเป็นคน “ขี้รังแก” และ “ชอบคุกคามทางเพศ” มากเกินไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคม แต่มันก็ทำให้ผู้บริโภคที่ไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนั้นรู้สึกเหมือนโดนกล่าวหาในทางอ้อม ๆ จึงมีความรู้สึกต่อต้านโฆษณาตัวนี้ และนำไปสู่การบอยคอตแบรนด์ Gillette ในที่สุด ผู้บริโภคหลายรายทำการอัดวีดีโอตัวเองโยนมีดโกนของ Gillette ลงในถังขยะ และหลาย ๆ ความคิดเห็นในโลกออนไลน์ก็กล่าวว่า “จะไม่กลับมาใช้แบรนด์นี้อีกแล้ว” จะเห็นได้ว่าการทำคอนเทนต์เป็นเรื่องที่ต้องระวังมาก ๆ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้อย่างชัดเจนว่าผลตอบรับจากผู้บริโภคของเราจะเป็นอย่างไรบ้าง ในตอนนี้ Gillette …